รีวิวหนังสือ Principles for Success | Ray Dalio
ไม่นานมานี้ผมเจอเล่มนี้เป็นเล่มที่น่าสนใจมากแห่งปี 2021 หนังสือ Principles for Success เป็นแบบฉบับภาพวาดการ์ตูนจาก Ray Dalio เป็นฉบับย่อ เข้าใจง่าย อ่านได้ทุกวัย
ผมเขียนสิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่จากหนังสือโดยเลือกใช้คำและสื่อความหมายตามความเข้าใจเพื่อย้ำเตือนตัวเองและหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับคนที่ผ่านมาเจอ
Life
คุณกำลังอยู่บนเส้นทางการเดินทางที่ผจญภัยทั้งเสี่ยงและตื่นเต้นที่เราเรียกมันว่า “ชีวิต” เพราะเส้นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยสิ่งที่ยังไม่เผชิญและไม่รู้ว่ามันหน้าตาเป็นยังไง
สิ่งสำคัญของการเดินทางในเส้นทางแห่งชีวิตนี้คือการมีหลักการต่างๆ ที่ดี
หลักการเหล่านั้นคือเส้นทาง (หรือวิธี) ที่ใช้จัดการกับความเป็นจริงจำนวนมากที่เราต้องเจอให้สำเร็จลุล่วง
ยกเว้นว่าคุณต้องการมีชีวิตที่ถูกชี้นำโดยคนอื่นๆ
กล่องที่คุณอยู่ คุณต้องตัดสินใจเองว่าจะทำอะไรและต้องมีความกล้าหาญหรือแรงใจที่จะทำมัน
สิ่งนี้นำไปสู่หลักการที่สำคัญที่สุดของ Ray Dalio
Think for yourself while being radically open-minded.
คิดและตัดสินใจด้วยตัวเองโดยเป็นคนที่ยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง
การตัดสินใจ
เมื่อมองกลับไปยังการเดินทางที่ผ่านมา ผมเห็นเวลาเหมือนสายน้ำที่พาเรามุ่งไปสู่การเผชิญกับความเป็นจริงที่ต้องให้เราตัดสินใจ
ตัวเราที่อยู่บนเรือไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของแม่น้ำหรือหลีกเลี่ยงการเผชิญได้ แต่เราสามารถจัดการกับสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีที่ดีที่สุดได้
ในหนึ่งชีวิต คุณจะมีเป็นล้านๆ ครั้งที่ต้องเผชิญและคุณต้องตัดสินใจทุกครั้ง ซึ่งคุณภาพของการตัดสินใจจะกำหนดคุณภาพชีวิตของคุณ
(กฏนั้นเรียบง่าย) การตัดสินใจที่ดีจะให้รางวัลที่ดีกับคุณ และการตัดสินใจแย่ๆ จะทำร้ายคุณ
เรียนรู้และหลักการ
ถ้าคุณเป็นคนเก่ง (smart) การเผชิญเหล่านี้จะสอนว่าความเป็นจริงนั้นทำงานอย่างไร และให้หลักการต่างๆ กับคุณสำหรับจัดการกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
หลักการไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิด ผมสะสมมันตลอดชีวิตจากการทำผิดพลาดและครุ่นคิดถึงสิ่งเหล่านั้น
เมื่อตอนเด็ก ผมวิ่งตามสิ่งที่ผมต้องการ ผมสะดุดก้อนหินล้ม ผมลุกขึ้นและวิ่งอีกครั้ง ผมสะดุดก้อนหินล้มอีกครั้ง แต่ละครั้งที่ผมล้ม ผมเรียนรู้บางอย่าง ผมทำได้ดีขึ้น ผมล้มน้อยลง
การทำและทำอีกครั้ง ผมเรียนรู้ที่จะรักกระบวนการแบบนี้ แม้ว่าการล้มเป็นส่วนหนึ่งของมันก็ตาม
ผมเรียนรู้การมองปัญหาเป็นปริศนาที่จะให้อัญมณีถ้าผมแก้ปริศนาได้
ปริศนาคือ “อะไรที่ผมควรทำถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้อีกในครั้งหน้า”
นี่คือวิธีการได้มาซึ่งหลักการ ผมจดบันทึกและแก้ไขมันตลอดเวลา ผมแนะนำให้คุณทำเช่นกัน
กระบวนการนี้สอนผมอย่างหนึ่ง เป็นพื้นฐานสุดๆ ของหลักการนั่นคือ
Knowing what is true is essential for making good decisions
การรู้ว่าอะไรคือความจริง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตัดสินใจที่ดี
การรู้ว่าอะไรจริง ผมหมายถึงการรู้ว่าความเป็นจริงทำงานอย่างไร ผู้คนไม่ได้สร้างกฏแห่งธรรมชาติที่เราต้องอยู่ให้ได้จึงจะประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเราเข้าใจกฏเหล่านี้ เราสามารถใช้มันเพื่อพิชิตเป้าหมายของเราได้
บทเรียนสำหรับกฏธรรมชาติที่โคตรจริงคือ คนที่โอบรับความเป็นจริงและทำงานร่วมกับมันได้ดีอย่างที่มันเป็น — ไม่ใช่คนที่ต้องการให้มันแตกต่างและบ่นว่าไม่ถูกใจ
ชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
เกิดจากความฝัน + ความเป็นจริง + ความมุ่งมั่น
ถ้าคุณมุ่งเน้นที่จะบรรลุความฝัน การรับผิดชอบทำความเข้าใจความเป็นจริงที่มีผลต่อคุณและวิธีจัดการพวกมัน และทำด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ คุณจะเรียนรู้หลักการที่ให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิต
ชีวิตที่ประสบความสำเร็จนั่นเป็นปัจเจก (individual) เป็นส่วนบุคคล คุณอยากเป็นอะไรก็ได้ขึ้นอยู่กับคุณ เพียงแค่ผมต้องการให้คุณมีความสุขและสุขภาพดี มีวิวัฒนาการที่ดีขณะเดียวกันก็มีส่วนช่วยในวิวัฒนาการเช่นกัน
ไม่ว่าเส้นทางไหนที่คุณเลือก คุณต้องโอบรับความเป็นจริงเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงในสิ่งที่คุณคาดหวังไว้มันไม่เป็นจริง
ก้าวไปข้างหน้า (Progress)
ปัญหา ความผิดพลาด และความอ่อนแอทำให้ผมเจ็บปวดมากเพราะส่วนใหญ่ผมติดอยู่กับความต้องการที่ผมไม่มี หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง ผมเรียนรู้แล้วว่าความเจ็บปวดเหล่านั้นกำลังส่งสัญญาณให้ผมต้องครุ่นคิดบนความเป็นจริงที่ผมเจอและหาวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการสิ่งเหล่านั้น
Pain + Reflection = Progress
จงครุ่นคิดถึงปัญหาที่เจอเหมือนก้อนหินที่ขวางอยู่ด้านหน้า ความผิดพลาดที่ทำให้เจ็บปวดเหมือนการที่กระโดดไม่พ้นก้อนหินนั้น ส่วนขาและหัวเข่าที่ย่อและส่งแรงเพื่อกระโดดเป็นความอ่อนแอที่เรามี
นำไปสู่กระบวนการ 5 ขั้นตอน
- Goal
- Problems
- Diagnosis
- Design
- Do it
ชีวิตที่ประสบความสำเร็จประกอบด้วย 5 ขั้นตอนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยธรรมชาติสร้างให้มีขึ้นและมีลง การพัฒนาที่พาตัวเองไปสู่วิวัฒนาการที่ระดับความสำเร็จที่สูงขึ้น
กฏแห่งวิวัฒนาการมีขั้นตอนเรียบง่าย ถ้าไม่ปรับตัวก็ตาย
ล้มเหลว
เหมือนการปีนภูเขา ทุกครั้งของการพิชิตนำไปสู่ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ขึ้น และแน่นอนยิ่งสูง การพลัดตกและร่วงหล่นก็ยิ่งใหญ่และรุนแรงเช่นกัน
ไม่ว่าเราจะผ่านมันไปได้หรือร่วงหล่นขึ้นอยู่กับว่าเราเต็มใจที่จะเผชิญกับความล้มเหลวและตัดสินใจอย่างยุติธรรมหรือไม่
บางอย่างที่เกิดกับคุณ คุณจะสูญเสียบางอย่าง บางอย่างที่คุณคิดว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าขาดสิ่งนั้นไป หรือความเจ็บปวดทุกข์ทรมานป่วยไข้หรือบาดเจ็บ หรืออาชีพของคุณพังทลายต่อหน้าต่อตา
คุณอาจคิดว่าชีวิตพังทลายแล้วและไม่มีทางข้างหน้าให้เดินต่อ
แต่มันจะผ่านไป
มีทางข้างหน้าที่ดีที่สุดอยู่เสมอ เพียงแค่คุณยังมองไม่เห็นมัน
คุณต้องทำให้ตัวเองสงบลงและครุ่นคิด ไตร่ตรองเป็นลำดับเพื่อค้นหามัน และจากนั้นยอมรับความเป็นจริงที่เจอและจัดการกับมันให้ดี
ความจริงแท้
ความเจ็บปวดนำผมสู่การครุ่นคิดว่าสิ่งต่างๆ ทำงานอย่างไรซึ่งช่วยถ่ายทอดไปสู่มุมมอง
ผมเห็นว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลมาจากเหตุที่ทำให้มันเกิดขึ้น
และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สิ่งอื่นๆ เกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งความเป็นจริงทำงานเหมือนเครื่องจักรที่เคลื่อนไหวชั่วนิรันดร์
เหตุการณ์บิ๊กแบง กฏและแรงทั้งหมดของจักรวาลถูกดันไปข้างหน้า เชื่อมต่อซึ่งกันและกันคล้ายกับเครื่องจักรเคลื่อนไหวชั่วนิรันดร์ แต่ละชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายก่อตัวเป็นเครื่องจักรที่ทำงานอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แยกออก และก่อตัวขึ้นใหม่
ทุกสิ่งทุกอย่างคือเครื่องจักร โครงสร้างและวิวัฒนาการของกาแลคซี่ รูปแบบระบบสุริยะของเรา สร้างภูมิศาสตร์และระบบนิเวศของโลกขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจและตลาดและพวกเราแต่ละคน
เราล้วนเป็นเครื่องจักรที่ประกอบขึ้นจากเครื่องจักร — ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบประสาท ทุกสิ่ง — ที่สร้างความคิด ความฝัน อารมณ์ และสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย
เครื่องจักรเหล่านี้ทั้งหมดค่อยๆ พัฒนาขึ้นร่วมกันเพื่อสร้างเป็นความจริงที่เราเผชิญทุกวัน
มันอาจฟังดูปรัชญา แต่ผมพบแล้วว่ามันใช้งานได้จริงเพราะว่ามันส่งสิ่งต่างๆ เข้าไปอยู่ในมุมมองและช่วยผมจัดการกับความเป็นจริงของผมในวิธีที่ดียิ่งขึ้น
ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นมาแล้วและเกิดขึ้นอีกเป็นวัฏจักรอาจจะสั้น (24 ชั่วโมง) หรือนานๆ เกิดที (พายุ 100 ปี)
แทนที่จะเห็นสิ่งต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาหาผม ผมกลับเห็นเป็นเพียงอีกสิ่งหนึ่งของสิ่งพวกนั้น
ผมเห็นความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลที่ควบคุมพวกนั้น และพัฒนาหลักการสำหรับจัดการกับพวกนั้นที่ผมสามารถแสดงออกด้วยคำพูดและโค้ดคอมพิวเตอร์
ความเสี่ยง–ผลตอบแทน (Risk–Reward)
ผมค้นพบความจริงว่าความเสี่ยงและผลตอบแทนอยู่คู่กันเป็นธรรมชาติ
และผมรู้วิธีสร้างสมดุลระหว่างสองสิ่งให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการมีชีวิตที่ดี
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังเจอทางเลือก คุณสามารถเลือกความปลอดภัย ใช้ชีวิตธรรมดาถ้าคุณอยู่ในที่ๆ คุณอยู่ตอนนี้ หรือคุณสามารถมีอีกทางที่ยอดเยี่ยมถ้าคุณสามารถข้ามป่าทึบที่อันตรายไปได้
คุณจะจัดการกับทางเลือกนั้นอย่างไร?
ผมไม่สามารถบอกคุณได้ว่าทางไหนดีที่สุดสำหรับคุณ เราต่างต้องตัดสินใจเพื่อตัวเอง
สำหรับผม ผมอยากมีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ดังนั้นผมต้องค้นหาวิธีที่จะจัดการกับความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ให้ได้ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน
เพื่อจะข้ามป่าทึบ ผมต้องมองให้เห็นมากกว่าที่ผมเห็น แต่บนทางที่ผมยืนมี 2 สิ่งที่ทุกคนต้องเจอขวางทางอยู่นั่นคือ “อีโก้ของตัวเราและจุดบอดที่มองไม่เห็น”
อีโก้ของตัวเอง
ป้องกันเราจากการรับรู้ความอ่อนแอของตัวเอง ความต้องการของเราอยากจะเป็นคนที่ถูกต้อง ซึ่งมาก่อนความต้องการที่จะรู้ว่าอะไรคือความจริง
ดังนั้นเราจึงเชื่อความคิดของเราโดยไม่ทดสอบพวกมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราไม่ชอบมองความผิดพลาดและความอ่อนแอของตัวเอง โดยสัญชาตญาณมีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อการสำรวจ 2 สิ่งนั้นว่าเป็นการโจมตี
นี่นำไปสู่การตัดสินใจที่เลวร้ายลง เรียนรู้น้อยลง และขาดศักยภาพของเราเอง
จุดบอดที่มองไม่เห็น
สิ่งนี้มีอยู่เพราะแต่ละคนมีมุมมองที่แตกต่างกัน เป็นความจริงที่เรียบง่ายว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นภัยอันตรายและโอกาสทั้งหมดรอบตัวด้วยตัวคนเดียว
ถ้าคุณสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ด้วยการช่วยเหลือจากผู้อื่น คนที่มองเห็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น คุณจะมองเห็นมากกว่าคุณคนเดียว
เพื่อสำเร็จเป้าหมายของผม ผมต้องแทนที่การชอบเป็นคนถูกต้องด้วยการชอบที่จะเรียนรู้ว่าอะไรจริง
ผมจึงมองหาผู้คนที่ช่างคิด รอบคอบ คนที่ไม่เห็นด้วยกับผม
ผมต้องการจะมองผ่านสายตาพวกเขาและให้พวกเขาเห็นผ่านสายตาของผม ซึ่งเราสามารถหาด้วยกันได้ว่าอะไรจริงและวิธีจัดการกับมัน ผมต้องการที่จะเรียนรู้ศิลปะของความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน
ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน
การได้มองเห็นผ่านตาของผมคนเดียว และการได้มองเห็นผ่านสายตาของคนช่างคิดเหล่านั้น เหมือนกับได้เห็นสิ่งต่างๆ ในภาพสีขาวและดำ ซึ่งไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรในภาพ มองออกแค่เป็นรูปร่าง แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ลองมองพวกมันในภาพที่มีสี ก็จะเห็นรายละเอียดมากขึ้นว่าแต่ละสิ่งมันคืออะไร
และภาพในโลกที่สดใสขึ้น
ผมได้รู้ว่าทางที่ดีที่สุดในการเดินผ่านป่าทึบแห่งชีวิตคืออยู่กับคนที่มีชาญฉลาด สายตาเฉียบคม ผู้ซึ่งมองเห็นสิ่งต่างๆ ต่างจากผม
จากกระบวนการ 5 ขั้นตอนที่เคยกล่าวไป ไม่มีใครสามารถทำ 5 ขั้นตอนทั้งหมดได้ดีด้วยคนเดียว แต่คุณสามารถได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นที่เห็นและทำในสิ่งที่คุณไม่สามารถ
คุณเพียงต้องทิ้งความยึดติดในการเป็นคนที่ตอบคำถามได้ถูกต้องด้วยตัวคุณเอง และกลายเป็นคนที่เปิดใจรับฟังความคิดเห็น (open-minded) เพื่อมองในมุมต่างๆ การทำแบบนี้ช่วยพัฒนาการตัดสินใจของผมอย่างมีนัยสำคัญ
แล้วผมก็เรียนรู้ว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการร่วมภารกิจไปกับคนที่คุณแคร์ว่าใครสามารถจริงใจและโปร่งใสต่อกันและกันได้
การพยายามดิ้นรนอย่างหนัก
เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่จะนำคุณไปสู่การร่วงหล่นที่เจ็บปวด และความพ่ายแพ้ ล้มเหลวเหล่านี้จะทดสอบคุณ
พวกมันจัดเรียงผู้คน
บางคนคิดอย่างหนักกับสิ่งที่ทำให้เขาล้มเหลวและเรียนรู้บทเรียนอันมีค่ามากมาย
ขณะที่บางคนตัดสินใจว่าเกมนี้ไม่ใช่สำหรับเขาและออกจากสนามไป
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมค้นพบสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้นไปอีก ผมเรียนรู้ว่าความสำเร็จไม่ใช่การพิชิตเป้าหมาย
สิ่งที่เราพยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ได้มาเป็นเพียงเหยื่อล่อ
การติดอยู่กับกลุ่มคนที่เราแคร์ด้วย ทำให้ตัวเราพัฒนาและความสัมพันธ์ที่มีความหมายต่างหากคือผลตอบแทนที่แท้จริง
ผมไม่ต้องการไปถึงป่าอีกฝั่ง ผมต้องการจะอยู่ในป่า การติดอยู่กลายเป็นความสำเร็จร่วมกับผู้คนที่ผมแคร์
เวลาที่ผ่านมา ความสำเร็จของภารกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อื่นกลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าความสำเร็จของตัวเอง
พวกเราทุกคนและทุกสิ่ง
ทุกเครื่องจักรสุดท้ายไม่ช้าก็เร็วจะแตกสลายเป็นชิ้นส่วนและกลับไปสู่ระบบซึ่งจะกลายเป็นชิ้นส่วนของเครื่องจักรใหม่
บางครั้งสิ่งนี้ทำให้เราเศร้าเพราะเรากลายเป็นคนที่ผูกพันธ์ติดกับเครื่องจักรของเรา แต่ถ้าคุณมองจากมุมที่สูงขึ้น มันเป็นสิ่งสวยงามที่จะเฝ้าดูการทำงานการวิวัฒนาการของเครื่องจักรนี้
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ผมแนะนำให้ซื้อมาอ่าน หนังสือภาพอ่านง่ายจิตนาการตามได้ เป็นหนึ่งในหนังสือที่ผมชื่นชอบที่สุดของปีนี้ ผมได้หลายสิ่งจากหนังสือเล่มนี้และหวังว่าคุณจะได้รับในมุมของคุณเช่นกัน
พิสูจน์อักษรโดยนัชชา